เทคโนโลยีเครื่อง PET/MRI ช่วยแพทย์ในการสร้างภาพการทำงานในระดับเซลล์ (Molecular Imaging) และสามารถสร้างภาพเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ที่ให้รายละเอียดสูง เพื่อการตรวจรอยโรคขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการวินิจฉัยกับชนิดมะเร็งจำพวก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งตับ มะเร็งสมอง มะเร็งนรีเวช มะเร็งศีรษะและลำคอ เป็นต้น

ข้อดีของเครื่อง PET/MRI
1. สามารถสร้างภาพเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม อวัยวะต่างๆได้คมชัดและให้รายละเอียดภาพที่สูง เหนือกว่าเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งเหมาะสมสำหรับการวินิจฉัยรอยโรคที่มีขนาดเล็ก และอวัยวะที่มีความซับซ้อน มีความหนาแน่นของเนื้อเยื่อใกล้เคียงกัน รวมถึงการสร้างภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น การทำงานของสมองเมื่อเกิดการกระตุ้น การเคลื่อนที่ของโมเลกุลของน้ำในเนื้อเยื่อ สร้างภาพเส้นใยประสาท การไหลเวียนของเลือดในสมอง
2. สร้างภาพการทำงานในระดับเซลล์ (Metabolic/Molecular imaging) และแสดงภาพผสานระหว่าง PET imaging และ Anatomical/Functional imaging เพื่อช่วยเพิ่มข้อมูลในการวินิจฉัยให้มีความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด
3. ให้ปริมาณรังสีต่ำกว่าการตรวจด้วย PET/CT ทั่วไป เนื่องด้วยการสร้างภาพด้วย MRI ไม่มีการปล่อยรังสี แต่ใช้การกำทอนของสนามแม่เหล็กแรงสูงและการกระตุ้นด้วยคลื่นวิทยุ (RF: Radiofrequency) เพื่อสร้างภาพอวัยวะความละเอียดสูง ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีจากการตรวจน้อยลง เหมาะสำหรับการตรวจในผู้ป่วยซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการรับรังสี เช่น ผู้ป่วยเด็ก
4. สำหรับผู้ป่วยที่แพ้สารทึบรังสี เครื่องนี้สามารถปรับใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างหลอดเลือดโดยไม่จำเป็นต้องมีการฉีดสารทึบรังสี (MRA: Magnetic resonance angiography) ก็สามารถสร้างภาพความผิดปกติของหลอดเลือดในผู้ป่วยที่แพ้สารทึบรังสีได้อย่างปลอดภัย
5. บริเวณที่ทำการสร้างภาพ เครื่อง PET/MRI สามารถเก็บข้อมูลการสะสมของสารเภสัชรังสีได้พร้อมกันในบริเวณเดียวกัน ทำให้ภาพระหว่างกายวิภาค (Anatomical Imaging) และ การทำงานของเซลล์ (Molecular Imaging) ที่ได้มีความสมบูรณ์ถูกต้องแม่นยำสูง ลดปริมาณสารรังสี และใช้เวลาการตรวจน้อยลง
6. เครื่อง PET/MRI ยังถูกออกแบบมาให้สามารถเก็บภาพ ได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าโดยการจัดท่าเพียงครั้งเดียว ทำให้สามารถเก็บภาพได้ครอบคลุมทั้งตัวโดยใช้เวลาน้อยลง พร้อมด้วยโปรแกรม Quiet Suit ที่ช่วยทำให้ไม่มีเสียงรบกวนระหว่างผู้ป่วยเข้ารับการตรวจ และยังคงคุณภาพของภาพไว้ได้อย่างครบถ้วน
7. มีเทคนิคการถ่ายภาพอวัยะที่มีการเคลื่อนไหว เช่น ช่วงหน้าอก และช่องท้องจากการหายใจ โดยการแก้ไขค่าการเคลื่อนไหวของภาพทรวงอกจากการหายใจของคนไข้ ทำให้ภาพบริเวณปอดคมชัดขึ้น
8. มีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ช่วยในการระบุตำแหน่งปรับการวางระนาบเพื่อเก็บข้อมูลภาพให้มีความเที่ยงตรง แม่นยำ ถูกต้อง และเหมาะสมสำหรับคนไข้เฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น
9. สามารถแก้ค่าการลดทอนเชิงรังสีได้อย่างถูกต้องแม่นยำด้วยโปรแกรมประยุกต์ที่สมบูรณ์ที่สุดในขณะนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างแผนที่การลดทอนเชิงรังสีจากเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

เทคโนโลยีการสร้างภาพเพท-เอ็มอาร์ ใช้ในทางการแพทย์สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง การหาตำแหน่ง ระยะและการกระจายของมะเร็ง ประยุกต์ใช้กับโรค ที่มีสาเหตุจากสภาวะเสื่อมและชราภาพของเซลล์สมองและ ระบบประสาท และประยุกต์ใช้ในการวางแผนการรักษามะเร็ง ด้วยรังสี

ในสถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าระบบเพท-เอ็มอาร์ สามารถให้ข้อมูลด้านโครงสร้าง ด้านการทำงานในระดับ เซลล์และโมเลกุลที่เป็นประโยชน์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างดี

เทคโนโลยีเพท-เอ็มอาร์ ยังไม่ถึงขั้นสุด สามารถที่จะพัฒนาได้อีกในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเครื่องมือ ความแรงสนามแม่เหล็ก เทคนิคและโปรโตคอลการให้คลื่นวิทยุที่เหมาะสมในแต่ละการตรวจวินิจฉัย เทคนิคการแก้ค่าการลดทอนพลังงานงาน และระบบการสร้างภาพเพท-เอ็มอาร์ สามารถพัฒนาทาง ด้านความไวในการตรวจวัดตรวจวัดและความถูกต้องแม่นยำ ในการกำหนดตำแหน่งของแอนนิฮิเลชันโฟตอนของตัว ตรวจวัดในระบบเพท และรวมทั้งด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ในการจัดการภาพที่ได้ในแต่ละระบบและการซ้อนทับกัน ตลอดจนด้านการพัฒนาสารเปรียบต่างและสารเภสัชรังสี

ระบบเพท-เอ็มอาร์ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ ให้ข้อมูลบางอย่างที่เทคโนโลยีอื่นไม่สามารถให้ได้ จะเกิดประโยชน์ต่อวงการแพทย์ในการตรวจวินิจฉัย การค้นพบก่อน เกิดโรค การเข้าใจชีววิทยาของโรค การกำหนดสถานะของโรค การวางแผนและการติดตามการรักษาโรคที่เหมาะสมที่สุด